คริสเตียโน โรนัลโด สุดยอดนักเตะระดับโลก ทีมปัจจุบัน 2021 ล่าสุดได้เซ็นสัญญาย้ายกลับมาอยู่กับทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด พร้อมพาทีมคว้าแชมป์ฤดูกาลนี้ โรนัลโด นักเตะชาวโปรตุเกสวัย 36 ปี ที่มีฝีเท้าระดับพระกาฬ คว้ารางวัลมาแล้วมากกว่า 30 ถ้วยรางวัล ได้แก่ ถ้วยยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกส์ 5 สมัย ถ้วยฟีฟ่าเวิลด์คัพ 4 สมัย ถ้วยรางวัลจากอังกฤษ สเปน และอิตาลี 7 ถ้วย รวมไปถึงถ้วยแชมป์ยูโรเปี้ยนในฐานะตัวแทนทีมชาติโปรตุเกสอีกด้วย ไม่ธรรมดาจริงๆโรนัลโดนั้น เคยเล่นให้กับหลายทีมดังในทวีปยุโรปไม่ว่าจะเป็น แมนยูฯ , รีล มาดริด , ยูเวนตุส และยังได้เล่นเป็นตัวจริงทีมชาติโปรตุเกสมาตั้งแต่ปี 2001 จนถึงปัจจุบันอีกด้วย
ส่วนในช่วงที่เล่นให้กับทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดนั้น เขาสามารถทำประตูได้มากถึง 118 ประตู จาก 292 เกมการแข่งขัน และยังพาทีมคว้าชัยชนะมาได้อย่างยิ่งใหญ่ ช่วงที่มีโรนัลโดอยู่กับทีมจัดว่าเป็นยุคทองของแมนยูฯ เลยก็ว่าได้นับว่าเป็นข่าวดีที่สุดแห่งปีของบรรดาแฟนคลับผีแดงที่ได้ต้อนรับการกลับมาของโรนัลโด โดยเขาได้เซ็นสัญญาย้ายกลับมาถิ่นโอลด์แทรฟฟอร์ด และได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากทุกคนในทีม เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2021 นี้เอง เขาจะได้ลงเตะร่วมกับทีมเร็วๆ นี้ หลังจากได้รับการเช็คเรื่องสุขภาพ และทำเรื่องวีซ่าเรียบร้อย
แทงบอลแมนยู แทงบอลออนไลน์ กับเราที่ FIFA55
ไฮไลท์ การทำประตูให้แมนยูของโรนัลโด นัดที่เจอกับนิวคาสเซิลเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2021 จบเกม แมนยูซัดนิวคาสเซิลขาดลอยด้วยสกอร์ 4-1 นัดนี้เป็นการลงสนามครั้งแรกให้กับการกลับมาเยือนถิ่นเดิมของเขาอีกครั้ง เกมนี้โรนัลโดไม่ทำให้แฟนผีผิดหวังจริงๆ
สารบัญเนื้อหา
ประวัติ คริสเตียโน โรนัลโด (Cristiano Ronaldo)
- ชื่อเต็ม : คริสเตียโน โรนัลโด
- วันเกิด : 5 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1985 (36 ปี)
- สถานที่เกิด : ฟุงชาล มาเดรา โปรตุเกส
- ส่วนสูง : 1.87 เมตร
- ตำแหน่ง : กองหน้า
- สโมสรปัจจุบัน : แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
- สวมเสื้อหมายเลข : 7
- สถิติการลงเล่น : 292
- จำนวนประตู : 118 ประตู
“History has been written in the past and history will be written once again. You have my word.”
ประวัติศาสตร์ได้ถูกจารึกไว้ในอดีต และประวัติศาสตร์จะถูกเขียนขึ้นอีกครั้ง ผมขอให้สัญญา
คริสเตียโน โรนัลโด
โรนัลโดได้เซ็นสัญญาย้ายกลับมาอยู่กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในปี 2021 ในฐานะนักเตะที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาล โดยมาพร้อมถ้วยรางวัลแห่งความสำเร็จมากมายตลอดระยะเวลาในเส้นทางสายอาชีพนักฟุตบอลของเขากองหน้าชื่อดังก้องโลกคนนี้ได้ปรับเปลี่ยนระดับการเล่นฟุตบอลของเขา มาตลอดระยะเวลาเกือบสองทศวรรษที่ผ่านมา โดยเปลี่ยนจากปีกจอมเจ้าเล่ห์ ตอนที่เพิ่งย้ายมาอยู่กับแมนยูในปี 2003 กลายมาเป็นสุดยอดนักล่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ปี 2003
โรนัลโดได้ย้ายจากบ้านและครอบครัวที่โปรตุเกสไปเล่นฟุตบอลให้กับทีมสปอร์ตติ้ง ลิสบอน และได้ลงเล่นเป็นตัวจริงตอนอายุ 16 ปี เขาได้รับการทาบทามจากหลายทีมด้วยกัน หนึ่งในนั้นก็คือ อาร์เซนอล แต่แล้วท่านเซอร์ อเล็กซ์เฟอร์กูสัน ก็ตัดสินใจที่จะพานักเตะทีมเยาวชนมากความสามารถคนนี้กลับมายังโอลด์แทรฟฟอร์ดหลังจากที่ทีมแมนยูฯ ได้ไปแข่งกับทีมสปอร์ตติ้ง ในนัดอุ่นเครื่อง เดือนสิงหาคม ปี 2003 จากการที่ได้เห็นลีลาสุดยอดฟุตเวิร์ค โรนัลโดได้สร้างความประทับใจเป็นอย่างมากในเกมนั้น ในขณะที่ทีมแมนยูไนเต็ดกำลังบินกลับบ้านก็ได้ขอเซ็นสัญญากับเขา การต่อรองนั้นได้จบลงอย่างรวดเร็วและโรนัลโดก็ได้รับเสื้อหมายเลข 7 ในตำนานต่อจากเดวิด เบคแฮม ในช่วงซัมเมอร์นั้นเอง
โรนัลโดในวัย 18 ปี ได้รับความไว้วางใจให้สวมเสื้อที่โด่งดังที่สุดของสโมสร โรนัลโด้ได้ปรากฏตัวครั้งแรกในฐานะตัวสำรองในเกมที่เอาชนะโบลตัน วันเดอเรอร์ส จนได้ จอร์จ เบสต์ เล่าว่ามันเป็นการเปิดตัวที่น่าตื่นเต้นที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา และการเปรียบเทียบระหว่างทั้งสองพัฒนาขึ้นตลอด
ฤดูกาลแรกของคริสเตียโนที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด ฝีเท้าของเขานั้นว่องไวอย่างเหลือเชื่อ ร่างกายของเขาปราดเปรียว และการยิงของเขานั้นทรงพลัง ถึงแม้ว่าความสามารถอันเป็นที่ประจักษ์ของเขาจะยังต้องการการฝึกฝนจากทีมโค้ชก็ตาม แต่ในท้ายที่สุดเขาก็จบฤดูกาลด้วยการทำประตูในศึกเอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศกับทีมมิลวอลล์คว้ารางวัลเป็นถ้วยแรกจากทั้งหมด 9 ถ้วยในรอบ 6 ปี
ปี 2004
เวย์น รูนี่ย์ ซุปตาร์รุ่นเยาวชน เพื่อนวัยเดียวกับโรนัลโด ได้เข้าร่วมสโมสรในปี 2004 สองปีถัดมา ทีมผู้เล่นโฉมใหม่ก็ได้พัฒนาขึ้น ถึงแม้ว่าตำแหน่งแชมป์จะยังคงเป็นของอาร์เซนอลและเชลซีก็ตาม แต่แล้วหลังจากการทะเลาะวิวาทกันระหว่าง รูนีย์ และ โรนัลโด ในการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 2006 ทำให้ฝ่ายหลังอยากที่จะยุติการเล่นฟุตบอลของเขาในอังกฤษก่อนเวลาอันควร แต่แล้วครอบครัวแมนยูฯ นำโดย เซอร์ อเล็กซ์ ได้พยายามผสานรอยร้าวและทำให้แน่ใจว่าทั้งคู่รู้สึกว่าได้รับการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี ศรัทธาในครั้งนั้นเป็นผลให้ทีมปีศาจแดงได้คว้าแชมป์ลีกมาอย่างต่อเนื่องถึง 3 สมัย
ปี 2006
ยุคทองของแมนยูครั้งใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งเมื่อทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเอาชนะฟูแล่ม 5-1 ในวันเปิดฤดูกาล 2006/07 โดยการทำสองประตูจากรูนีย์และอีกหนึ่งประตูจากโรนัลโด้ ขณะที่ลูกทีมของเซอร์ อเล็กซ์ คว้าแชมป์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี โดยผู้เล่นทั้งสองได้ทลายกำแพง 20 ประตูเป็นครั้งแรก โดยที่แต่ละคนทำคะแนนได้ 23 ประตูในทุกการแข่งขัน และแล้วผีแดงก็ได้เข้าใกล้การคว้าแชมป์เทรเบิลเป็นครั้งที่สอง โดยทำได้ดีที่สุดด้วยการเป็นรองแชมป์ในศึกเอฟเอ คัพ และรองแชมป์ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ทีมแมนยูฯ เริ่มมีถ้วยรางวัลในมือมากขึ้นเรื่อยๆ และโรนัลโดเองก็ได้สร้างคอลเล็คชั่นรางวัลเกียรติยศส่วนบุคคลไปด้วย โดยการคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของ PFA, นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของแฟนๆ, นักเตะดาวรุ่งแห่งปี และรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของ FWA ทำให้เขากลายเป็นชายคนแรกที่ได้ชูทั้งสี่รางวัลในปีเดียวกัน
ปี 2007
ในฤดูกาล 2007/08 ความผิดหวังของโรนัลโด้ในการคว้ารางวัลผู้เล่นที่ดีที่สุดในโลกได้เป็นแรงผลักดันให้เขาก้าวขึ้นไปอีกระดับ และทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็ได้ขยับขึ้นไปพร้อมกับเขาด้วย เขาทำประตูได้อย่างน่าทึ่งถึง 42 ประตูในขณะที่นักเตะในทีมของเซอร์อเล็กซ์ชนะทั้งสองถ้วยแชมป์ได้แก่ พรีเมียร์ลีกและแชมเปี้ยนส์ลีก นักเตะทีมชาติโปรตุเกส ซึ่งกำลังจะได้ตำแหน่งเป็นกัปตันทีมชาติในไม่ช้านี้ ทำประตูสำคัญครั้งแล้วครั้งเล่าในทั้งสองรายการ ซึ่งรวมถึงประตูเดียวของทีมแมนยูฯ ในนัดชิงชนะเลิศที่เมืองมอสโกว โดยทีมปีศาจแดงได้ครองตำแหน่งราชาฟุตบอลของสโมสรยุโรป และรางวัลส่วนบุคคลทั้งหมดก็ได้ตกเป็นของคริสเตียโน อีกครั้ง
โรนัลโดนั้นอยากจะเติมเต็มความฝันวัยเด็กของเขาด้วยการไปเป็นนักฟุตบอลให้ทีมรีอัลมาดริด เซอร์ เอ็กซ์ ได้พยายามโน้มน้าวให้โรนัลโดอยู่ต่อกับทีมอีกหนึ่งปีซึ่งก็เป็นระยะเวลาเพียงพอให้เขาช่วยทีมผีแดงคว้าถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีกมาเพิ่มอีกสมัยเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน และกลายเป็นแชมป์สโมสรโลกในโตเกียว และในส่วนของรางวัลส่วนตัวโรนัลโดก็ได้รับรางวัลผู้ชนะบัลลงดอร์เป็นครั้งแรกในวัย 23 ปี หลังจากลงเล่นในศึกแชมเปี้ยนส์ลีกนัดชิงชนะเลิศเป็นครั้งที่สองติดต่อกัน ในขณะที่ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดพ่ายให้กับทีมบาร์เซโลน่าที่เก่งกาจในกรุงโรม และแล้วก็ถึงเวลาที่โรนัลโดต้องอำลาทีมแมนเชสเตอร์และย้ายไปเล่นกับทีมมาดริดแทน
ปี 2009
เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2009 ผู้คนจำนวนกว่า 80,000 คนได้รวมตัวกันในซานติอาโก เบร์นาเบว เพื่อดูการเปิดตัวนักฟุตบอลที่แพงที่สุดในโลกที่สามารถทำประตูได้มากถึง 450 ประตูจาก 438 เกม ส่งผลให้โรนัลโดกลายเป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของเรอัล มาดริด ในระหว่างนั้น เขาได้ช่วยทีมยักษ์ใหญ่จากสเปนนี้คว้าถ้วยรางวัล ลา เดซิม่า ซึ่งเป็นที่ต้องการของทีมอย่างมาก และเป็นถ้วยรางวัลยุโรปครั้งที่ 10 ของพวกเขาในปี 2014 และได้คว้าถ้วยรางวัลใหญ่ทั้งหมดรวม 15 ถ้วยรางวัล เช่นเดียวกับที่เขาสร้างผลงานให้กับทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด คริสเตียโน ชนะทุกถ้วยรางวัลที่มีให้กับทีมรีอัลมาดริด จากความสามารถของเขา
ปี 2018
หลังจากที่โรนัลโด้ได้คว้ารางวัลทุกถ้วยมาให้เรอัลมาดริดสำเร็จเป้นที่เรียบร้อยแล้ว ยูเวนตุสก็จ่ายเงิน 100 ล้านยูโรเพื่อเซ็นสัญญากับเขาในปี 2018 ซึ่งเป็นการย้ายทีมที่แพงที่สุดจากสโมสรอิตาลีและค่าธรรมเนียมสูงสุดเท่าที่เคยจ่ายให้กับผู้เล่นอายุมากกว่า 30 ปี เขาได้รับรางวัลห้าถ้วยรางวัล ในระยะเวลาสามปีและเป็นผู้ทำประตูสูงสุดของลีกเซเรียอาเมื่อฤดูกาลที่แล้ว, 2020/21 โดยมี 29 ประตูสำหรับหญิงชรา
ปี 2021
เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจส่งตัวเป็นครั้งที่สองของเขามายังสนามโอลด์แทรฟฟอร์ด โรนัลโด ผู้ได้รับรางวัล Ballon d’Or 5 สมัย ได้บอกกับแฟน ๆ แมนยู ว่า “ในใจผมมีพื้นที่พิเศษให้ทีมแมนยูเสมอมา”อดีตเพื่อนร่วมทีมของเขาและตอนนี้ได้กลายเป็นผู้จัดการทีม โอเลห์ กุลน่า โซลชาร์ กล่าวว่า: “ไม่มีคำพูดใดเพียงพอที่จะอธิบายถึง คริสเตียโน “การกลับมาของโรนัลโด้แสดงให้เห็นถึงเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของสโมสรแห่งนี้ และผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เขากลับมา
“สำหรับเวทีระดับนานาชาติ โรนัลโด้ได้เป็นตัวแทนทีมชาติโปรตุเกสในทัวร์นาเมนต์ใหญ่มากถึง 11 รายการและยิงประตูได้ทั้งหมดทุกเกม เขาเป็นกัปตันทีม Selecao สู่ความรุ่งโรจน์ในการแข่งขัน ศึกยูโร แชมป์เปี้ยนชิป ปี 2016 และ ยูฟ่า เนชั่นลีกส์ ปี 2019 โดยได้สวมปลอกแขนมายาวนานเป็นเวลาถึง 13 ปี ในศึกยูฟ่ายูโร 2020 เขาก็ได้รับรางวัลรองเท้าทองคำมาครองอีกด้วย
วันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2564 หลังจากที่ได้ย้ายกลับมาอยู่กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้สำเร็จ คริสเตียโนก็ได้สร้างสถิติยิงประตูทีมชาติชายชุดใหม่โดยทำสองประตูให้ทีมโปรตุเกสในเกมที่แข่งกับสาธารณรัฐไอร์แลนด์เพื่อสร้างสถิติ 111 ประตู เป็นรองแค่เจ้าของตำแหน่งเดิม อาลี เดย์ นักฟุตบอลในตำนานชาวอิหร่าน
ประวัตินักเตะแมนยูเพิ่มเติม
- รายชื่อนักเตะแมนยู 2021-22
- ดาบิด เด เคอา
- มาร์คัส แรชฟอร์ด
- บรูโน่ แฟร์นานเดส
- เอดินสัน คาวานี่
- อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล
ผลงานการเล่น โรนัลโด
สโมรสรที่เคยลงเล่น
สโมสรอาชีพ
2002–2003 สปอร์ติงลิสบอน | ลงเล่น 25 ครั้ง ทำประตู (3)
2003–2009 แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด | ลงเล่น 196 ครั้ง ทำประตู (84)
2009–2018 เรอัลมาดริด | ลงเล่น 292 ครั้ง ทำประตู (311)
2018–2021 ยูเวนตุส | ลงเล่น 98 ครั้ง ทำประตู (81)
2021–ปัจจุบัน แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด | ลงเล่น 0 ครั้ง ทำประตู (0)
ทีมชาติ
2001 โปรตุเกส อายุไม่เกิน 15 ปี | ลงเล่น 9 ครั้ง ทำประตู (7)
2001–2002 โปรตุเกส อายุไม่เกิน 17 ปี | ลงเล่น 7 ครั้ง ทำประตู (5)
2002–2003 โปรตุเกส อายุไม่เกิน 21 ปี | ลงเล่น 5 ครั้ง ทำประตู (1)
2003 โปรตุเกส อายุไม่เกิน 20 ปี | ลงเล่น 10 ครั้ง ทำประตู (3)
2004 โปรตุเกส อายุไม่เกิน 23 ปี | ลงเล่น 3 ครั้ง ทำประตู (2)
2003–ปัจจุบัน โปรตุเกส | ลงเล่น 180 ครั้ง ทำประตู (111)
เกียรติประวัติ
สโมสร
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
- พรีเมียร์ลีก (3 สมัย): 2006–07, 2007–08, 2008–09
- เอฟเอคัพ (1 สมัย): 2003–04
- ลีกคัพ (2 สมัย): 2005–06, 2008–09
- เอฟเอคอมมูนิตีชีลด์ (1 สมัย): 2007
- ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก (1 สมัย): 2007–08
- ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก (1 สมัย): 2008
เรอัลมาดริด
- ลาลิกา (2 สมัย): 2011–12, 2016–17
- โกปาเดลเรย์ (2 สมัย): 2010–11, 2013–14
- ซูเปร์โกปาเดเอสปัญญา (2 สมัย): 2012, 2017
- ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก (4 สมัย): 2013–14, 2015–16, 2016–17, 2017–18
- ยูฟ่าซูเปอร์คัพ (2 สมัย): 2014, 2017
- ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก (3 สมัย): 2014, 2016, 2017
ยูเวนตุส
- เซเรียอา (2 สมัย): 2018–19, 2019–20
- ซูแปร์โกปปาอีตาเลียนา (2 สมัย): 2018, 2020
- โกปปาอีตาเลีย (1 สมัย): 2020–21
ทีมชาติ
- ฟุตบอลโลก: อันดับ 4 (1 สมัย): 2006
- ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป: ชนะเลิศ (1 สมัย): 2016
- ยูฟ่าเนชันส์ลีก: ชนะเลิศ (1 สมัย): 2018–19
เกียรติประวัติส่วนตัว
- ฟีฟ่าบาลงดอร์ (5 สมัย): 2008, 2013, 2014, 2016, 2017
- นักฟุตบอลยอดเยี่ยมของโลกแห่งปี (1 สมัย): 2008
- ผู้เล่นชายยอดเยี่ยมของฟีฟ่า (2 สมัย): 2016, 2017
- รองเท้าทองคำยุโรป (4 สมัย): 2007–08, 2010–11, 2013–14, 2014–15
- ผู้เล่นยอดเยี่ยมของสหพันธ์ฟุตบอลโปรตุเกส (4 สมัย): 2016, 2017, 2018, 2019
- นักฟุตบอลยอดเยี่ยมของพีเอฟเอ (2 สมัย): 2006-07, 2007-08
- นักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของพรีเมียร์ลีก (2 สมัย): 2006-07, 2007-08
- รางวัลดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก (1 สมัย): 2007-08
- นักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของลาลิกา (1 สมัย): 2013-14
- รางวัลดาวซัลโวลาลิกา (ปิชิชี่ โทรฟี่) (3 สมัย): 2010–11, 2013–14, 2014–15
- นักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของเซเรียอา (2 สมัย): 2019, 2020
- รางวัลดาวซัลโวเซเรียอา (1 สมัย): 2020-21
ข่าวโรนัลโดอัพเดทล่าสุด
- “โรนัลโด” เสี่ยงเลื่อนนัดประเดิม “แมนยูฯ” 11 ก.ย. เหตุติดมาตรการโควิด
- คริสเตียโน โรนัลโด ทำลายสถิติโลกนักฟุตบอลซัลโวให้ทีมชาติสูงสุด
- อ่านข่าวอัพเดท คริสเตียโน โรนัลโด คลิก
สนใจเล่นเกมคาสิโนออนไลน์รูปแบบอื่นๆ คลิก
ติดตามผลงาน Ronaldo
Facebook : Cristiano
Instagram : Cristiano
บทส่งท้าย
คริสเตียโน โรนัลโด เป็นนักเตะซุปสตาร์ขวัญใจคนทั้งโลก มียอดผู้ติดตามทางโซเชี่ยลมากกว่า 300 ล้านคน ไม่ว่าจะด้วยลีลาการเล่นฟุตบอลที่เฉียบขาด ทำประตูมามากกว่า 600 ประตู คว้าแชมป์และถ้วยรางวัลมาแล้วแทบทุกรางวัล หรือจะด้วยรูปร่างหน้าตาอันหล่อเหลาทำสาวๆ กรี๊ดของเขาก็ตาม โรนัลโดจัดว่าเป็นนักฟุตบอลระดับตำนานในทศวรรษนี้เลย การได้กลับมาร่วมเล่นกับทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอีกครั้งในปีนี้ เหมือนได้จุดประกายความหวังให้กับทีมและเหล่าแฟนคลับว่าทีมจะสามารถสร้างประวัติศาตร์ครั้งใหม่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก และแชมป์ยุโรปมาครองให้ได้
แทงบอลแมนยู แทงบอลออนไลน์ กับเราที่ FIFA55